...ชีวิตที่ผ่านไปทุกวัน คนเราต้องพบกับเรื่องราวต่างๆมากมาย ทั้งร้าย ทั้งดี ทั้งทุกข์ ทั้งสุข บางครั้งหัวเราะ หลายครั้งร้องไห้ แต่มีหลายเรื่องราวที่ผ่านไปพบ ไปเห็น แล้วให้แง่คิด ให้มุมมอง ที่หลายคนอาจมองผ่านเลยไป ที่หลายคนปล่อยให้เลือนไปกับกาลเวลา แง่คิดดีๆ มุมมองดีๆ และเรื่องราวที่บอกเล่าเหล่านี้ ถูกนำมาเก็บใส่กระปุกใบนี้ไว้ ก่อนมันจะถูกลืมเลือนไป


คนไข้ริมหน้าต่าง

เมื่อชายป่วยหนักสองคน ต้องมาร่วมชะตากรรมอยู่ในห้องพักฟื้นเดียวกันที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง จึงมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้นอนเตียงคนไข้ริมหน้าต่างซึ่งมีแค่บานเดียว

คนป่วยที่ได้เตียงริมหน้าต่างต้องลุกขึ้นนั่งเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงทุกบ่าย เพื่อให้เกิดการระบายของเสียจากปอดสะดวกขึ้น ขณะที่ คนป่วยอีกมุมหนึ่งต้องนอนจมอยู่บนเตียงตลอดเวลา แต่ถึงอย่างนั้น.. เขาทั้งสองก็มักมีเรื่องพูดคุยแลกเปลี่ยนกันเสมอ

ทุกบ่าย.. เมื่อชายข้างหน้าต่างลุกขึ้นนั่ง เขาจะบรรยายทุกสิ่งทุกอย่างที่มองเห็นผ่านหน้าต่างบานนั้นให้เพื่อนร่วมห้องฟัง จึงทำให้ผู้ฟังรู้สึกมีความสุขกับช่วงเวลาหนึ่งชั่วโมงดังกล่าวอย่างยิ่ง เพราะนั่นไม่เพียงทำให้โลกของเขากว้างขึ้น แต่กิจกรรมและสีสันจากโลกข้างนอกยังช่วยให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นอีกด้วย

......…………………………………………….….

ครั้งหนึ่ง.. เขาได้ฟังเพื่อนริมหน้าต่างพรรณนาถึงสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ที่มีเป็ดและห่านเริงเล่นน้ำอย่างเริงร่าอยู่ในทะเลสาบ มีเด็ก ๆ เล่นสนุกอยู่บนเรือ หนุ่มสาวเดินเกี่ยวก้อยพลอดรักท่ามกลางมวลดอกไม้หลากสี สายรุ้ง และต้นไม้ชราสูงใหญ่ที่ช่วยเพิ่มบรรยากาศสงบงามให้กับสวน อีกทั้งยังบรรยายถึงภาพทิวทัศน์ของเมืองที่ตัดกับเส้นขอบฟ้าโพ้นไกล..

เพื่อนร่วมชะตากรรมที่อยู่ริมหน้าต่างได้บรรยายทุกภาพอย่างละเอียดถี่ถ้วน จนชายอีกมุมหนึ่งสามารถจินตนาการตามไปได้อย่างรื่นรมย์เสมอมา

ถึงบ่ายอีกวันที่อากาศสบายๆ คนป่วยริมหน้าต่างได้บรรยายถึงขบวนพาเหรดที่กำลังเดินผ่านไป และถึงแม้ชายอีกคนจะไม่ได้ยินเสียงดนตรีจากวงดุริยางค์ เขาก็สามารถสัมผัสได้ด้วยใจจากถ้อยบรรยายของเพื่อนข้างหน้าต่างเป็นอย่างดี

......…………………………………………….….

เวลาเคลื่อนคล้อยผ่านไปอย่างนี้.. จากวัน เป็นหลายสัปดาห์...

กระทั่งเช้าวันหนึ่ง เมื่อพยาบาลเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ตามเวรปกติของเธอ เพื่อดูแลทำความสะอาดร่างกายให้ชายทั้งสอง เธอก็พบว่า.. คนไข้เตียงริมหน้าต่างได้สิ้นลมไปแล้ว เขาจากไปอย่างสงบขณะกำลังหลับ...

เมื่อนำศพคนไข้ริมหน้าต่างออกจากห้องผู้ป่วยไปสักพัก และเวลาได้ผ่านไปนานพอสมควร.. ชายที่เคยอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องจึงขอย้ายไปพักที่เตียงริมหน้าต่าง ซึ่งพยาบาลยินดีจัดการให้ตามความประสงค์ของเขา

เมื่อได้อยู่ตามลำพัง เขาจึงค่อย ๆ ยันตัวเองด้วยข้อศอกที่มีแรงเพียงข้างเดียว หวังจะลุกขึ้นมองดูโลกภายนอกด้วยสายตาของตนเองเป็นครั้งแรก

ด้วยความคาดหวังว่า.. จะมีความสุขกับการได้สัมผัสภาพต่าง ๆ ด้วยตนเอง เขาจึงค่อย ๆ ชะเง้อคอมองออกไปนอกหน้าต่าง

แต่แล้ว.. ภาพที่พบเห็นกลับมีเพียงกำแพงโล่งๆ!

ด้วยความเคลือบแคลง ชายผู้นี้จึงสอบถามจากพยาบาลในเวลาต่อมา เพราะไม่เข้าใจว่า.. เหตุใดเพื่อนผู้จากไป จึงสามารถพรรณนาโลกนอกหน้าต่างบานนี้ให้เขาฟังได้มากมาย ซึ่งตรงข้ามกับภาพที่เขาได้เห็นด้วยตาตนเองอย่างสิ้นเชิง

นั่นเอง.. เขาจึงได้คำตอบจากพยาบาลว่า.. "บางทีเขาอาจต้องการให้กำลังใจคุณ!"

เพราะแท้จริงแล้ว เพื่อนร่วมห้องที่จากไปแล้วเป็นชายตาบอด! เขาไม่มีโอกาสจะมองเห็นอะไรได้- -แม้แต่กำแพง!

ถ้าจินตภาพที่เคยสัมผัสได้ด้วยหัวใจจากเพื่อนตาบอดในยามนั้น หมายถึง “กำลังใจ” แล้วล่ะก็ คงเป็นกำลังใจที่งดงามยิ่งแล้ว..สำหรับเขา!

BACK

 


Get your Free Advertising...for Thai web sites only!